Blog

รู้ไหม? ไส้หมูแต่ละส่วนใช้ทำเมนูอะไรถึงจะอร่อยที่สุด

รู้ไหม? ไส้หมูแต่ละส่วนใช้ทำเมนูอะไรถึงจะอร่อยที่สุด

“ไส้หมู” เป็นวัตถุดิบที่หลายคนชอบ แต่ก็มีอีกไม่น้อยที่หลีกเลี่ยงเพราะกลัวคาวหรือไม่รู้ว่าจะทำเมนูอะไรให้เหมาะกับแต่ละส่วนของไส้ดี
แท้จริงแล้ว ไส้หมูไม่ได้มีเพียงแบบเดียว แต่แบ่งออกเป็นหลายชนิด แต่ละส่วนมีเนื้อสัมผัส กลิ่น และวิธีปรุงที่ต่างกันไป

หากรู้จักเลือกใช้ให้เหมาะกับเมนู คุณจะได้รสชาติที่อร่อยยิ่งขึ้นหลายเท่า
บทความนี้จะพาไปทำความรู้จัก “ไส้หมูแต่ละส่วน” พร้อมแนะนำเมนูที่เหมาะที่สุดสำหรับแต่ละแบบ


1. ไส้หมูอ่อน (Small Intestine)

ลักษณะ

เป็นส่วนที่อยู่ติดกับกระเพาะอาหาร เนื้อจะบาง นุ่ม และมีไขมันแทรกเล็กน้อย
เมื่อปรุงสุกจะได้ความกรอบนอก นุ่มใน และไม่มีกลิ่นคาวรุนแรง

วิธีปรุงที่เหมาะ

  • ทอดหรือย่าง จะได้ความหอมและกรอบพอดี

  • ต้มพะโล้หรือต้มซีอิ๊ว เนื้อจะนุ่มและซึมรสเครื่องปรุงได้ดี

  • ทำลวกจิ้ม ก็อร่อย หากล้างสะอาดและลวกไม่สุกเกินไป

เมนูแนะนำ

  • ไส้หมูทอดกรอบ

  • ลวกจิ้มไส้หมูอ่อน

  • ต้มพะโล้ไส้หมู

เคล็ดลับ: ก่อนปรุงควรล้างด้วยเกลือและน้ำส้มสายชู แล้วกลับด้านล้างด้านในให้สะอาด จะช่วยลดกลิ่นคาวและคงความนุ่ม


2. ไส้ใหญ่ (Large Intestine)

ลักษณะ

มีความหนาและไขมันเยอะกว่าส่วนอื่น เนื้อสัมผัสจะหนึบ เคี้ยวมัน
กลิ่นค่อนข้างแรง ต้องล้างให้สะอาดจึงจะอร่อย

วิธีปรุงที่เหมาะ

  • ต้มให้เปื่อยนุ่มก่อน แล้วค่อยนำไปทอดหรือย่าง เพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่นุ่มแต่ยังมีความหนึบ

  • ตุ๋นกับเครื่องเทศแรง ๆ เช่น พะโล้หรือขิง จะช่วยกลบกลิ่นคาว

เมนูแนะนำ

  • ไส้ใหญ่ทอด

  • ไส้ใหญ่ย่างถ่าน

  • ต้มขมไส้ใหญ่ (เมนูอีสาน)

  • ก๋วยจั๊บไส้ใหญ่

เคล็ดลับ: ก่อนต้มควรนำไปลวกน้ำเดือดประมาณ 5 นาทีแล้วล้างซ้ำ จะช่วยลดกลิ่นและความมันส่วนเกินออกไป


3. ไส้ตรงหรือไส้ขม (Rectum)

ลักษณะ

เป็นส่วนปลายสุดของลำไส้หมู มีความหนาและกลิ่นค่อนข้างแรง
นิยมเรียกว่า “ไส้ขม” เพราะหากล้างไม่สะอาดจะมีรสขมติดอยู่

วิธีปรุงที่เหมาะ

  • ลวกหรือต้มกับสมุนไพรแรง ๆ เช่น ตะไคร้ ใบมะกรูด พริกไทย เพื่อดับกลิ่น

  • ทำเมนูเผ็ดจัด จะเข้ากันดี เช่น ผัดพริกแกงหรือยำรสจัด

เมนูแนะนำ

  • ลวกจิ้มไส้ขม

  • ผัดพริกแกงไส้ขม

  • ยำไส้ขม

เคล็ดลับ: แนะนำให้ต้ม 2 น้ำ – น้ำแรกใส่เกลือและน้ำมะขามเปียก น้ำที่สองใส่สมุนไพร จะช่วยขจัดกลิ่นได้ดีที่สุด


4. ไส้ตัน (Cecum)

ลักษณะ

มีลักษณะอวบ หนา และมีโพรงด้านใน
ถือเป็นส่วนที่เนื้อแน่นและมีมันแทรกพอดี เคี้ยวกรุบหนึบ
นิยมมากในเมนูย่างและทอด

วิธีปรุงที่เหมาะ

  • ย่างบนเตาถ่าน จะได้กลิ่นหอมและเนื้อนุ่มไม่กระด้าง

  • ทอดแบบกรอบนอกนุ่มใน กินคู่กับน้ำจิ้มแจ่วหรือซีฟู้ดก็อร่อย

เมนูแนะนำ

  • ไส้ตันย่าง

  • ไส้ตันทอดเกลือ

  • ต้มไส้ตันน้ำใส

เคล็ดลับ: ก่อนปรุงควรล้างหลายรอบด้วยเกลือและน้ำมะนาว แล้วต้มทิ้งน้ำแรกก่อนปรุงจริง


5. ไส้พอง (Blow Intestine)

ลักษณะ

มีลักษณะคล้ายไส้ใหญ่แต่บางกว่า เนื้อจะมีความกรอบแน่น และนิยมใช้ในเมนูที่ต้องการความเด้ง เช่น ลูกชิ้นหรือไส้กรอก

วิธีปรุงที่เหมาะ

  • ต้มให้นุ่มแล้วทอดหรือย่างต่อ

  • ทำเป็นเครื่องเคียงในต้มเลือดหมูหรือข้าวต้ม

เมนูแนะนำ

  • ต้มเลือดหมูใส่ไส้พอง

  • ไส้พองย่าง

  • ก๋วยจั๊บไส้พอง


6. เคล็ดลับทั่วไปในการเตรียมไส้หมูให้อร่อย

  1. เลือกไส้หมูสดใหม่ กลิ่นต้องไม่แรง สีขาวอมชมพู และไม่เหนียวติดมือ

  2. ล้างให้สะอาด โดยใช้น้ำเกลือ น้ำมะนาว หรือแป้งมันช่วยขจัดคราบและกลิ่น

  3. ต้มลวกก่อนปรุงทุกครั้ง เพื่อลดกลิ่นคาวและฆ่าเชื้อ

  4. หั่นตามแนวขวางเส้นไส้ เพื่อให้เนื้อไม่หดตัวมากเมื่อปรุงสุก

  5. ปรุงด้วยเครื่องเทศหรือสมุนไพร เช่น ขิง พริกไทย ตะไคร้ ใบมะกรูด จะช่วยเพิ่มกลิ่นหอม


สรุป

ไส้หมูแต่ละส่วนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว หากรู้จักเลือกใช้ให้เหมาะกับเมนู ก็จะช่วยยกระดับรสชาติอาหารได้มากขึ้น

  • ไส้อ่อน เหมาะกับเมนูทอด ต้มพะโล้ หรือลวกจิ้ม

  • ไส้ใหญ่ ใช้ในเมนูย่าง ต้มขม หรือก๋วยจั๊บ

  • ไส้ขม เหมาะกับเมนูผัดและยำรสจัด

  • ไส้ตัน ใช้ย่างหรือทอดจะได้สัมผัสกรุบหนึบ

  • ไส้พอง เหมาะกับต้มเลือดหมูหรือก๋วยจั๊บ

การรู้จักเลือกส่วนของไส้หมูที่เหมาะสม ไม่เพียงช่วยให้อาหารอร่อยขึ้น แต่ยังลดกลิ่นคาวและคงความกรอบนุ่มได้อย่างลงตัว
ดังนั้น ครั้งหน้าหากจะทำเมนูจากไส้หมู ลองเลือกให้ตรงกับจานที่ต้องการ แล้วคุณจะพบว่า “เครื่องในธรรมดา” ก็อร่อยระดับภัตตาคารได้เช่นกัน

Leave a comment

100-3.png
© Copyright By Thai sausage casings